วันอังคารที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2560

การสอบกลางภาค 2/2560 (ง33201)

1.จงเขียนข้อแตกต่างระหว่าง GDSS กับ EIS มาเป็นข้อๆ 
   ตอบ  GDSS
             1. เป็นระบบสารสนเทศที่ถูกออกแบบขึ้นโดยเฉพาะ ซึ่งไม่ใช่การนำองค์ประกอบต่างๆ ที่มีอยู่                       แล้ว มาประยุกต์ใช้แต่จะต้องสร้างขึ้นมาใหม่จึงจะเรียกว่าเป็นระบบ GDSS 
             2. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจแบบกลุ่ม ถูกออกแบบมาโดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุง                                     กระบวนการตัดสินใจขององค์ประชุม
               3. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจอาจถูกออกแบบมาเพียงเพื่อต้องการแก้ปัญาหาเฉพาะหน้า หรือ
                   แก้ไขปัญหาทั่วไปก็ได้
               4. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจจะต้องง่ายต่อการเรียนรู้ และใช้งานได้สะดวก อีกทั้งยังอาจให้                       ความหลากหลายกับผู้ใช้ในแต่ละระดับที่เกี่ยวข้องกับความรู้ การประมวลผล และการสนับ
                   สนุนการตัดสินใจ
               
5. มีกลไกที่ให้ผลในเรื่องการปรับปรุงจุดบกพร่องที่เกิดจกพฤติกรรมของผู้เข้าร่วมประชุม เช่น                     การขจัดความขัดแย้งในที่ประชุม
               6. ระบบจะต้องออกแบบให้มีความสามารถในการกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมต่างๆ เช่น กระตุ้นให้
                   เกิดความคิดสร้างสรรค์

                EIS
               
1. มีการใช้งานบ่อย
                2.ไม่ต้องมีทักษะทางคอมพิวเตอร์สูง
                3.ความยืดหยุ่นสูงสามารถเข้ากันได้กับรูปแบบการทำงานของผู้บริหาร
                4.การใช้งานใช้ในการตรวจสอบ ควบคุม
                5.การสนับสนุนการตัดสินใจไม่มีโครงสร้างแน่นอน
                6.ผลลัพธ์ที่แสดงจะเป็นตัวอักษร ตาราง ภาพและเสียง รวมทั้งระบบมัลติมีเดีย
                7.การใช้งานภาพกราฟิกสูง จะใช้รูปแบบการนำเสนอต่างๆ
                8.ความเร็วในการตอบสนองรวดเร็วทันทีทันใด

2.จงเขียนชื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ จำนวน 2 ชิ้น และอุปกรณ์เครือข่าย   คอมพิวเตอร์ จำนวน 3 ชิ้น พร้อมข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์นั้นๆ
   ตอบ         
                                                อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์

                                                                       
 HUB(ฮับ)
Hub เป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีความซับซ้อนถ้าเทียบกับ Switch เพราะการทำงาน เป็นเพียงแค่ repeater ที่มีหลาย port ทำงานโดย repeating bits ที่ได้รับจาก port หนึ่งไปยังอีก port หนึ่ง โดยจะคอยตรวจสอบ packet ในระดับ physical layer ไม่ให้เกิดการชนกัน (Jam signal) ภายใน hub/repeater ไม่มี memory สำหรับเก็บข้อมูล โดย packet จะถูก retransmit ถ้าเกิด packet lost ก่อนที่ปลายทางจะได้รับ
Scanner(เครื่องสแกน)




การจับภาพของสแกนเนอร์ ทำโดยฉายแสงบนเอกสารที่จะสแกน แสงจะผ่านกลับไปมาและภาพ จะถูกจับโดยเซลล์ที่ไวต่อแสง เรียกว่า charge-couple device หรือ CCD ซึ่งโดยปกติพื้นที่มืดบน กระดาษจะสะท้อนแสงได้น้อยและพื้นที่ที่สว่างบนกระดาษจะสะท้อนแสงได้มากกว่า CCD จะสืบหาปริมาณแสงที่สะท้อนกลับ จากแต่ละพื้นที่ของภาพนั้น และเปลี่ยนคลื่นของแสงที่สะท้อน กลับมาเป็นข้อมูลดิจิตอล หลังจากนั้นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับการสแกนภาพก็จะแปลงเอาสัญญาณเหล่านั้นกลับมาเป็นภาพ บนคอมพิวเตอร์อีกทีหนึ่ง

                                             อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์

                                                        โมเด็ม (Modems)



เป็นอุปกรณ์สำหรับคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งที่ช่วยให้สัมผัสกับโลกภายนอกได้ย่างง่ายดาย โมเด็มเป็นเสมือนโทรศัพท์สำหรับคอมพิวเตอร์ที่จะช่วยให้ระบบคอมพิวเตอร์ สามารถสื่อสารกับคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้ทั่วโลก ไมเด็มจะเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์เข้าคู่สายของโทรศัพท์ธรรมดาคู่หนึ่งซึ่งโมเด็มจะทำการแปลงสัญญาณดิจิตอบ (digital signals) จากเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณอนาล็ก (analog signals) เพื่อให้สามารถส่งไปบนคู่สายโทรศัพท์

สวิตซ์ (Switch)



อุปกรณ์เครือข่ายที่ทำหน้าที่เลเยอร์ที่ 2 Switch บางทีก็เรียกว่า Switching Hub (สวิตชิ่งฮับ) ซึ่งในช่วงแรกนั้นจะเรียกว่า Bridge (บริดจ์) เหตุผลที่เรียกว่าบริดจ์ ในช่วงแรกนั้นเพราะส่วนใหญ่บริดจ์จะมีแค่สองพอร์ต และใช้สำหรับแยกคอลลิชันโดเมน ปัจจุบันที่เรียกว่า Switch เพราะหมายถึง บริดจ์ก็มีมากกว่าสองพอร์ตนั่นเอง Switch จะฉลาดกว่า Hub คือ Switch สามารถส่งข้อมูลที่ได้รับมาจากพอร์ตหนึ่งไปยังเฉพาะพอร์ตที่เป็นปลายทางเท่านั้น ทำให้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับพอร์ตที่เหลือสามารถส่งข้อมูลถึงกันและกันได้ในเวลาเดียวกัน ด้วยข้อดีนี้เครือข่ายที่ติดตั้งใหม่ในปัจจุบันส่วนใหญ๋จะนิยมใช้ Switch มากกว่า Hub เพราะจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการชนกันของข้อมูลในเครือข่าย

เราเตอร์ (Router)


อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อระบบเครือข่ายอย่างหนึ่ง ซึ่งถ้าแปลความหมาย คำว่า Router ก็คือ ถนนนั่นเอง หน้าที่หลักของ Router คือการหาเส้นทางในการส่งผ่านข้อมูลที่ดีที่สุด และเป็นตัวกลางในการส่งข้อมูลไปยังเครือข่ายอื่นทั้งนี้ Router สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายที่ใช้สื่อสัญญาณหลายแบบแตกต่างกันได้




วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เว็บงานกลุ่ม

โครงานเรื่อง:โคมไฟจากแผ่นซีดี


















ประโยชน์ที่ได้รับ:ได้ความรู้และนำไปประยุกต์ใช้ในการประดิษฐ์โคมไฟจากซีดี

วันอังคารที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2560

แบบทดสอบห้อง ม.5/5

1.ทรัพย์สินทางปัญญา มีความหมายว่าอย่างไร

     ทรัพย์สิน คือ วัตถุที่มีรูปร่างซึ่งอาจมีราคาและอาจถือเอาได้ เช่น บ้าน ที่ดิน ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร                 เป็นต้น    
     ปัญญา
คือ ความรอบรู้ ความรู้ทั่วไปความฉลาดเกิดแต่เรียนและความคิด เมื่อรวมทั้ง 2 คำเข้าด้วยกัน     ทรัพย์สินทางปัญญา จึงหมายถึงความรู้ที่เกิดจากการคิดค้นจนทำให้เกิดมีค่าขึ้นได้ หรือจะกล่าวอีก         นัยหนึ่งว่า ทรัพย์สินทางปัญญาได้แก่การที่ผู้ใดหรือคณะบุคคลใดร่วมกันประดิษฐ์คิดค้น ออกแบบ           สร้างสรรค์ จนเกิดผลขึ้นมา และผลงานนั้นมีคุณค่าสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งงานเกษตรกรรม                 อุตสาหกรรม และ
พาณิชยกรรม

2.ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร หมายถึงอะไร แตกต่างกันอย่างไร

    สิทธิบัตร ( Patent ) หมายถึง หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ หรือการออกแบบ           ผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ผู้ประดิษฐ์หรือออกแบบผลิตภัณฑ์หากต้องการได้รับความคุ้มครอง จะต้องยื่นคำขอ       รับสิทธิบัตร แต่ก็ไม่ใช่ว่าคิดประดิษฐ์หรือออกแบบผลิตภัณฑ์ใดขึ้นมาจะได้รับความคุ้มครองเสมอไป

    ลิขสิทธิ์ ( Copyright ) หมายถึง สิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทำการใดๆเกี่ยวกับงานที่ผู้อื่นสร้างสรรค์     ได้ทำขึ้น ลิขสิทธิ์เป็นผลงานที่เกิดจากการใช้สติปัญญา ความรู้ความสามารถ ความวิริยะอุตสาหะ ใน        การสร้างสรรค์งานให้เกิดขึ้น     สรุป คือเครื่องหมายการค้าจะใช้เพื่อแสดงว่าสินค้าเป็นของใคร ลิขสิทธิ์จะใช้ในงานศิลปะ และสิทธิ       บัตรจะใช้สำหรับสูตรหรือกระบวนการผลิต

3.เครื่องหมายการค้าหมายถึงอะไร พร้อมยกตัวอย่างรูปภาพเครื่องหมายการค้ามา 5 เครื่องหมาย

เครื่องหมายการค้า หมายถึง เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์หรือตราที่ใช้กับสินค้าหรือบริการซึ่งเครื่องหมายที่ให้ความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติม
โดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2543 มี 4 ประเภท 
ดังต่อไปนี้
  
           1. เครื่องหมายการค้า (Trade Mark) คือเครื่องหมายที่ใช้เป็นที่หมายเกี่ยวข้องกับสินค้าเพื่อแสดงว่าสินค้าที่ ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น เช่น บรีส  มาม่า กระทิงแดง เป็นต้น
    2. เครื่องหมายบริการ (Service Mark) คือ เครื่องหมายที่ใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับบริการ เพื่อแสดงว่าบริการที่ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับบริการที่ใช้เครื่องหมาย บริการของบุคคลอื่น เช่น เครื่องหมายของสายการบิน ธนาคาร โรงแรม เป็นต้น

    3. เครื่องหมายรับรอง (Certification Mark) คือ เครื่องหมายที่เจ้าของเครื่องหมายรับรองใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับ สินค้าและบริการของบุคคลอื่น เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพของสินค้า หรือบริการนั้น เช่น เชลล์ชวนชิม แม่ช้อยนางรำ ฮาลาล (Halal) เป็นต้น    4. เครื่องหมายร่วม (Collective Mark) คือ เครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายบริการที่ใช้โดยบริษัทหรือวิสาหกิจในกลุ่ม เดียวกัน หรือโดยสมาชิกของสมาคม กลุ่มบุคคล หรือองค์กรอื่นใดของรัฐหรือเอกชน เช่น ตราช้างของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด  เป็นต้น 































4.พรบ. คอมพิวเตอร์ ปี2560 มีว่าอย่างไรบ้าง สรุปมาเป็นข้อๆ

1. การฝากร้านใน Facebook, IG ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท
2. ส่ง SMS โฆษณา โดยไม่รับความยินยอม ให้ผู้รับสามารถปฏิเสธข้อมูลนั้นได้ ไม่เช่นนั้นถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท
3. ส่ง Email ขายของ ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท
4. กด Like ได้ไม่ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ยกเว้นการกดไลค์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับสถาบัน เสี่ยงเข้าข่ายความผิดมาตรา 112 หรือมีความผิดร่วม
5. กด Share ถือเป็นการเผยแพร่ หากข้อมูลที่แชร์มีผลกระทบต่อผู้อื่น อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์ฯ โดยเฉพาะที่กระทบต่อบุคคลที่ 3
6. พบข้อมูลผิดกฎหมายอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของเรา แต่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าของคอมพิวเตอร์กระทำเอง สามารถแจ้งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ หากแจ้งแล้วลบข้อมูลออกเจ้าของก็จะไม่มีความผิดตามกฎหมาย เช่น ความเห็นในเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมไปถึงเฟซบุ๊ก ที่ให้แสดงความคิดเห็น หากพบว่าการแสดงความเห็นผิดกฎหมาย เมื่อแจ้งไปที่หน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อลบได้ทันที เจ้าของระบบเว็บไซต์จะไม่มีความผิด
7.สำหรับ แอดมินเพจ ที่เปิดให้มีการแสดงความเห็น เมื่อพบข้อความที่ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ เมื่อลบออกจากพื้นที่ที่ตนดูแลแล้ว จะถือเป็นผู้พ้นผิด
8. ไม่โพสต์สิ่งลามกอนาจาร ที่ทำให้เกิดการเผยแพร่สู่ประชาชนได้
9. การโพสเกี่ยวกับเด็ก เยาวชน ต้องปิดบังใบหน้า ยกเว้นเมื่อเป็นการเชิดชู ชื่นชม อย่างให้เกียรติ
10. การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต ต้องไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียเชื่อเสียง หรือถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ญาติสามารถฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย
11. การโพสต์ด่าว่าผู้อื่น มีกฏหมายอาญาอยู่แล้ว ไม่มีข้อมูลจริง หรือถูกตัดต่อ ผู้ถูกกล่าวหา เอาผิดผู้โพสต์ได้ และมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
12. ไม่ทำการละเมิดลิขสิทธิ์ผู้ใด ไม่ว่าข้อความ เพลง รูปภาพ หรือวิดีโอ
13. ส่งรูปภาพแชร์ของผู้อื่น เช่น สวัสดี อวยพร ไม่ผิด ถ้าไม่เอาภาพไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หารายได้

5.ให้นักเรียนค้นหาข่าวที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด พรบ. คอมพิวเตอร์ โดยนำ Link มาตอบด้านล่าง

https://www.thairath.co.th/content/50578











วันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ใบงาน เรื่อง โครงงานคอมพิวเตอร์

1.โครงงาน หมายถึงอะไร
    โครงงาน (Project Approach) คือ กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ ผู้เรียนได้ทำการศึกษาค้นคว้าและฝึกปฏิบัติด้วยตนเองตามความสามารถ ความถนัด และความสนใจ โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หรือกระบวนการอื่นๆ ไปใช้ในการศึกษาหาคำตอบ โดยมีครูผู้สอนคอยกระตุ้นแนะนำและให้คำปรึกษาแก่ผู้เรียนอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การเลือกหัวข้อที่จะศึกษา ค้นคว้า ดำเนินงานตามแผน กำหนดขั้นตอนการดำเนินงานและการนำเสนอผลงาน ซึ่งอาจทำเป็นบุคคลหรือเป็นกลุ่ม

    โครงงาน คือ การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือหลายๆสิ่งที่อยากรู้คำตอบให้ลึกซึ้ง
หรือเรียนรู้ในเรื่องนั้นๆให้มากขึ้น โดยใช้กระบวนการ วิธีการที่ศึกษาอย่างมีระบบ เป็นขั้นตอน
มีการวางแผนในการศึกษาอย่างละเอียด ปฏิบัติงานตามแผนที่วางไว้ จนได้ข้อสรุปหรือผลสรุปที่เป็นคำตอบในเรื่องนั้นๆ

2.โครงงานคอมพิวเตอร์ หมายถึงอะไร?
      โครงงานคอมพิวเตอร์เป็นกิจกรรมการเรียนที่นักเรียนมีอิสระในการเลือกศึกษาปัญหาที่ตนสนใจ โดยนักเรียนจะต้องวางแผนการดำเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ความรู้ กระบวนการทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เครื่องคอมพิวเตอร์และวัสดุอุปกรณ์ตลอดจนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน เรื่องที่นักเรียนสนใจและคิดจะทำโครงงาน ซึ่งอาจมีผู้ศึกษามาก่อน หรือเป็นเรื่องที่นักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพัฒนาแล้ว นักเรียนสามารถทำโครงงานเรื่องดังกล่าวได้ แต่ต้องคิดดัดแปลงแนวทางในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาโปรแกรม หรือศึกษาเพิ่มเติมจากผลงานเดิมที่มีผู้รายงานไว้ จุดมุุุุุุุ่งหมายสำคัญของการทำโครงงานเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้นหรือค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ

3. ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
     ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
     คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยในทุก ๆ สาขาวิชา ดังนั้นโครงงานคอมพิวเตอร์จึงมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก ทั้งในลักษณะของเนื้อหา กิจกรรม และลักษณะของประโยชน์หรือผลงานที่ได้ ซึ่งอาจแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 5 ประเภท คือ
     1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media)
     2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development)
     3. โครงงานประเภทจำลองทฤษฎี (Theory Experiment)
     4. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน (Application)
     5. โครงงานพัฒนาเกม (Game Development)



4. นักเรียนคิดว่า ทำไมจึงต้องทำโครงงาน?
   ได้ศึกษาค้นหาความรู้ในด้านต่างๆ ที่ยังไม่เคยได้รู้ และได้ประสบการณ์ในการสร้างสรรค์และออกแบบจัดการนำเสนองานในรูปแบบของสื่อคอมพิวเตอร์เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะชนฝึกการใช้งานด้านโปรแกรมต่างๆที่ปกติไม่ได้ใช้งานเพื่อนำไปต่อยอดด้านการใช้โปรแกรมพัฒนาความรู้ความสามารถในระดับต่าง ๆ ต่อไปในอนาคต
5. ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์

วันอังคารที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ใบงานเรื่อง ข่าวการใช้ IT ในทางที่ไม่ดี


ชื่อข่าว:มาริโอ้ ไม่โกรธ แต่...ไม่ควร ตัดต่อภาพผีขย้ำเป้า!!!



    เนื้อข่าว:กลายเป็นประเด็นขึ้นมาจนได้ สำหรับภาพตัดต่อโปสเตอร์ภาพยนตร์แนวสยองขวัญ "Take Me Home สุขสันต์วันกลับบ้าน" ที่พระเอกหนุ่ม "" รับบทนำ ให้ออกมาในแนว 18+ จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งด้านบวกและด้านลบในโลกโซเชียลฯ!!!

    โดยล่าสุดพระเอกของเรื่องอย่างหนุ่มมาริโอ้ก็ได้ถือโอกาสออกมาเปิดใจถึงภาพตัดต่อดังกล่าวกลางงาน"เอ็มเคตอกไข่ ลุ้นล้าน ลุ้นรวยยกโต๊ะ" โดยเจ้าตัวเผยว่า...

    "ใช่ครับพี่ อันนี้ต้องชมคนตัดต่อนะเพราะเนียนมาก แต่ว่ามันไม่ควรทำไปตัดต่อเล่นหรือเปล่า ตรงนี้มันสงวน (ยิ้ม)"

    ส่วนตัวเรามีอารมณ์โกรธหรือไม่พอใจบ้างไหม ?
"ตลกครับ ฮาๆ มากกว่า ไม่คิดมากอะไร"

    เราจะตามเช็คต่อไหมว่าใครเป็นคนทำภาพ ?
"ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้ซีเรียส อีกอย่างผมเชื่อว่าเขาน่าจะทำเพื่อความเฮฮา เพื่อความสนุกมากกว่า ไม่ได้เดือดร้อนใคร โดยเฉพาะตัวผมเองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วย"

    แอบคิดไหมว่าเป็นการสร้างกระแสของทีมงาน ?
"ไม่นะครับ ผมคิดว่าเป็นคนทั่วไปมากกว่า แต่ผมก็มองขำๆ ไป ไม่ได้ซีเรียส"

    ถามถึงภาพจากงานช่องบ้างที่เราเตะฟุตบอล เหมือนคนจะโฟกัสเรื่องสรีระเป็นพิเศษ ?
"กางเกงแน่นเหรอครับ ก็...ผมก็ไม่ซีเรียสหรอกครับ บางทีกางเกงกีฬามันก็มีบ้างเป็นเรื่องปกติ ปีที่แล้วก็โดนจับตา ผมไม่ซีเรียสอะไรเลย แต่แอบกังวลเรื่องกางเกงแน่นนิดหนึ่ง ตอนนี้กำลังลดอยู่"

    เหมือนเขาพยายามจะโฟกัสบริเวณนั้นของเราตลอด ?
"ได้ครับ แล้วแต่ครับ อย่างที่บอกผมไม่ได้ซีเรียสอะไร"

    ตอนนี้เราโดน เคน ภูภูมิ แย่งซีนหัวนมชมพูแล้วด้วย ?
"น้องเคนเขาก็ชมพูอยู่แล้วครับ แบ่งๆ น้องเขาไปบ้าง เพราะผมก็โดนโฟกัสเยอะเหลือเกิน จริงๆ ผมยกตำแหน่งนี้ให้น้องเขาไปเลยก็ได้นะ ยกให้เลย (หัวเราะ)"
    
    แหล่งอ้างอิง:http://news.sanook.com/1971998/
    
    เห็นด้วยกับข่าวนี้/ไม่เห็นด้วยเพราะ:ไม่เห็นด้วยเพราะว่าเป็นการทำให้อีกฝ่ายเสียหาย 

วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ใบงานเรื่อง พรบ. คอมพิวเตอร์


Like-Share แบบไหนผิด? พรบ.คอมพิวเตอร์ ปี2016



   ในยุคที่อินเตอร์เน็ตเข้ามีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูล ข่าวสารได้อย่างสะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้เรายังสามารถแสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึก และแชร์สิ่งต่างๆ ผ่านสื่อ Social Network ได้อย่างง่ายดาย อย่างที่เรามักจะคุ้นเคยกันดี เช่น Facebook , Twitter , Line , Instagram และอื่นๆ โลกผ่านหน้าจอเหล่านี้ ทำให้เราเข้าถึงใกล้กันมากขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นดาบสองคมเช่นกัน ปัจจุบันเรามักจะพบเห็นผู้ที่ใช้ช่องทางเหล่านี้ในทางที่ผิด จนไปถึงการกระทำที่ผิดกฏหมายต่างๆนาๆ วันนี้ผู้เขียนจะมาแบ่งปันความรู้เท่าทันโทษตามหลักของกฏหมาย เล่นโซเซียลแบบไหน มีความผิดตามพรบ.คอมฯ ปี 2560 ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้เมือวันที่ 24 พฤษภาคมนี้ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย



1. การส่งข้อความ ข้อมูล หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ที่ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อนรำคาญใจ ไม่สามารถปฏิเสธได้
หากมีการแชร์ข้อมูล หรือข้อความ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ที่สร้างความเดือดร้อนรําคาญใจ โดยที่ผู้รับไม่ยินยอม และไม่สามารถปฏิเสธ หรือบอกเลิกได้ เช่น การส่งโฆษณา แบบ Spam Mail , การฝากร้านค้า , การส่งข้อความสมัครงาน ใน inbox หรือ tag เฟซบุ๊ค เป็นต้น ผู้ใดกระทำสิ่งเหล่านี้ มีความผิดตามพรบ.คอมฯ 2560 มีโทษปรับไม่เกิน 2 แสนบาท
2. เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร บิดเบือนความจริง 
ผู้ใดเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น หรือการแชร์ข่าวสารที่มีบิดเบือนความจริงที่ก่อให้เกิดการตื่นตระหนกแก่ประชาชน และความเสื่อมเสียต่อ ความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ , ความปลอดภัยสาธารณะ , ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลมีสิทธิ์ระงับข้อมูลนั้นๆได้ทันที ไม่มั่นใจ ไม่แชร์ หรือถ้าต้องการแชร์ ก็ขอให้แชร์จากแหล่งที่น่าเชื่อถือนะครับ
3.การกดไลด์แบบผิดกฏหมาย 
การกดไลด์ หรือการแสดงรู้สึกในโลกโซเชียล (ชอบ ไม่ชอบ หัวเราะ ร้องไห้) โดยรวมแล้วถือว่าไม่ผิด เพราะถือว่าเป็นแสดงความคิดเห็นตามหลักของกฏหมายรัฐธรรมนูญ ยกเว้นข่าวสารที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถานบัน ห้ามกด! เพราะมีความผิดตาม มาตรา 112
4.การเผยแพร่ และส่งต่อภาพโป๊ เปลือย หรือลามกอนาจาร /การพนัน

ผู้ใดแบ่งปัน แชร์-ส่งต่อ รูปภาพ และวีดีทัศน์ที่ส่อไปในทางโป๊ เปลือย หรือเป็นกระตุ้นทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ เช่น การส่งต่อภาพ หรือวิดีโอลามกอนาจาร , การ Live สด! ที่แสดงออกถึงการมีเพศสัมพันธ์-เต้นวาบหวิว , การพนันฟุตบอล สิ่งเหล่านี้มีความผิดตามพรบ.คอมฯ 2560 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลมีสิทธิ์ระงับได้ทันที

5.การตัดต่อภาพ หรือดัดแปลงข้อมูลของผู้อื่นในทางเสื่อมเสีย /การแชร์ภาพผู้เสียชีวิต
ผู้ใดนำภาพที่สร้างขึ้นโดยการ ตัดต่อ ต่อเติม หรือดัดแปลง ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ แล้วนำไปแชร์ หรือส่งต่อ อันเป็นทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือเกิดความอับอาย รวมไปถึงภาพของผู้เสียชีวิตทำให้เสื่อมเสียเกียรติ มีโทษระวางจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ศาลมีสิทธิ์ที่จะระงับ หรือลบข้อมูลนั้นๆได้
6) การค้าขาย หรือส่งต่อโปรแกรมที่สร้างขึ้น โดยไม่ได้รับอนุญาติ /ละเมิดสิทธิทางปัญญา
ผู้ใดทำการค้าขาย หรือแบ่งปันชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด อาทิ โปรแกรมแฮกระบบคอมพิวเตอร์ , การส่งต่อเพลง/ภาพยนตร์/สินค้าที่ละเมิดลิขสิทธ์ทางปัญญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
จากประเด็นที่ได้นำเสนอเกี่ยวกับ การกดไลด์ แชร์ ส่งต่อ ที่มีความผิดตามกฏหมาย
พรบ.คอมพิวเตอร์ ฉบับปี 2560 ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตก็ควรมีความระมัดระวังกันสักนิด โดยเฉพาะการเล่นสื่อ Social Network ที่ทำให้เราเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น แต่มันก็เป็นทั้งคุณประโยชน์ และโทษ ผู้ใช้งานสื่อเหล่านี้ก็ควรจะมีความคิด วิเคราะห์ และแยกแยะ ความถูกต้องของข้อมูลก่อนที่จะกดเผยแผร่ออกไป ว่าสิ่งเหล่านั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ "หากไม่มั่นใจ ก็ไม่กดแชร์นะครับกฏหมายพรบ.คอม 2560 ฉบับนี้ หากเราลองมองดูภาพรวมให้ดีๆ สิ่งเหล่านี้เป็นผลดีต่อประชาชน จนไปถึงการคุ้มครองหลักของสิทธิมนุษยชน และทำให้เกิดความยุติธรรมบนโลกอินเตอร์เน็ตในประเทศไทย
เรียบเรียงโดย : พัดโบก วังแก้ว
แหล่งอ้างอิง:http://www.thai-hotnews.com/news/50457

วันอังคารที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ใบงานเรื่อง บริการต่างๆบนอินเทอร์เน็ต

บริการต่างๆบนอินเทอร์เน็ต

  บริการบนอินเทอร์เน็ต เป็นบริการเพื่อตอบสนองความต้องการในด้านการสื่อสารของผู้ใช้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งในระดับบุคคล กลุ่ม และองค์กร ในปัจจุบันมีการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางในการแบ่งปันความคิด ข้อมูล สารสนเทศ รวมถึงความรู้ โดยอาศัยเครื่องมือ เทคโนโลยีหรือบริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต มีดังนี้ 

1. World Wide Web (WWW) เครือข่ายใยแมงมุมเป็นการเข้าสู่ระบบข้อมูลอย่างข้อมูลในรูปของ InteractiveMultimediaคือ มีทั้งรูปภาพ ข้อความ ภาพเคลื่อนไหวเสียงและวีดีโออีกทั้งข้อมูลเหล่านี้ยังใช้ระบบที่เรียกว่าhypertext กล่าวคือจะมีคำสำคัญหรือรูปภาพในข้อมูลนั้นที่จะช่วยให้ท่านเข้าสู่รายละเอียดที่ลึกและกว้างขวางยิ่งขึ้นคำสำคัญดังกล่าวจะเป็นคำที่เป็นตัวหนา หรือขีดเส้นใต้ เพียง แต่ท่านเลือกกด ที่คำ ที่เป็นตัวหนาหรือขีดเส้นใต้ นั้น ๆ ท่านก็สามารถเข้าสู่ข้อมูลเพิ่มเติมได้ (ข้อมูลเหล่านี้จะมีผู้สร้างขึ้นมาและเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ ต่าง ๆ ทั่วโลก)

2. จดหมายอิเลคทรอนิกส์ (Electronic Mail)
จดหมายอิเลคทรอนิกส์หรือที่เรียกกันว่าEmailเป็นการสื่อสารที่นิยมใช้กันมากเนื่องจากผู้ใช้สามารถติดต่อสื่อสารกับบุคคลที่ต้องการได้รวดเร็ว ภายในระยะเวลาอันสั้น ไม่ว่าจะอยู่ในที่ทำงานเดียวกันหรืออยู่ห่างกันคนละมุมโลกก็ตามนอกจากนี้ยังสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อยมาก
องค์ประกอบของ e-mail address ประกอบด้วย
1. ชื่อผู้ใช้ (User name)
2.ชื่อโดเมนUsername@domain_name

ารใช้งานอีเมล สามารถแบ่งได้ดังนี้ คือ
1.CorporatEmailคืออีเมลที่หน่วยงานต่างๆสร้างขึ้นให้กับพนักงานหรือบุคลากรในองค์กรนั้นเช่นu47202000@dusit.ac.thคือe-mailขอนักศึกษาของสถาบันราชภัฏสวนดุสิต เป็นต้น
2.Free e-mailคืออีเมลที่สามารถสมัครได้ฟรีตาม web mail ต่างๆ เช่น Hotmail,Yahoo Mail,Thai Mail และChaiyo Mail

3. Search Engine (บริการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต)
 Search Engine เป็นเว็บไซต์ที่มีเครื่องมือในการที่จะค้นหาเว็บไซต์ต่างๆมาเก็บไว้ในฐานข้อมูลของ ตัวเองโดยอัตโนมัติเช่น Google.com ซึ่งเครื่องมือนี้ มีชื่อเรียกว่า Search Robot จะทำหน้าที่คอยวิ่งเข้าไปอ่านข้อความจากหน้าเว็บไซต์ของเว็บต่างๆ แล้วนำมาจัดลำดับค้นหา(Index) ที่มีในเว็บไซต์เหล่านั้น เก็บไว้ในฐานข้อมูลของตนเอง เมื่อเราเข้าไปใช้บริการ กับ Search Engine

ใบงานที่ 1 เรื่อง Internet


Internet
1.Internet หมายถึง
ตอบ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน  เพื่อให้เกิดการสื่อสาร  และการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน  โดยอาศัยตัวเชื่อมเครือข่ายภายใต้มาตรฐานการเชื่อมโยงเดียวกัน  นั่นก็คือ  TCP/IP Protocol  ซึ่งเป็นข้อกำหนดวิธีการติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย  ซึ่งโปรโตคอลนี้จะช่วยให้คอมพิวเตอร์ที่มีฮาร์ดแวร์ที่แตกต่างกันสามารถติดต่อถึงกันได้



2.ประวัติความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต
ตอบ 
เครือข่ายอินเตอร์เน็ตถือกำเนิดมาในยุคสงครามเย็น  ระหว่างสหรัฐกับรัฐเซีย ในปี ค.ศ. 1960   ซึ่งกระทรวงกลาโหมประเทศสหรัฐอเมริกาเห็นว่าระบบคอมพิวเตอร์สำหรับสั่งการต้องเป็นระบบเครือข่ายที่ใช้งานได้ตลอดเวลา  หากมีการโจมตีด้วยระเบิดปรมาณูที่เมืองใดเมืองหนึ่ง  ระบบคอมพิวเตอร์บางส่วนอาจถูกทำลาย  แต่ส่วนที่เหลือทำงานได้  เป้าหมายการวิจัยและการพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ดังกล่าวจึงกลายเป็นโครงการชื่อ ARPAnet หรือ Advance Research Project Agency net โดยมอบหมายให้กลุ่มมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ทำการวิจัยและเชื่อมโยงเครือข่ายในปี ค.ศ.  1983  ได้มีการนำ  TCP/IP Protocol หรือ Transmission Control Protocol  มาใช้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบเป็นครั้งแรก  จนกรทั่งได้กลายเป็นมาตรฐานในการติดต่อในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมาจนถึงปัจจุบัน


3.ประเภทของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ตอบ 
 1. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตรายบุคคล (Individual Connection) การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตรายบุคคล คือ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจากที่บ้าน (Home user) ซึ่งยังต้องอาศัยคู่สายโทรศัพท์ในการเข้าสู่เครือข่ายอินเตอร์เน็ต ผู้ใช้ต้องสมัครเป็นสมาชิกกับผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตก่อน จากนั้นจะได้เบอร์โทรศัพท์ของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต รหัสผู้ใช้ (User name) และรหัสผ่าน(Password) ผู้ใช้จะเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ตได้โดยใช้โมเด็มที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้หมุนไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต จากนั้นจึงสามารถใช้ งานอินเตอร์เน็ตได้

2. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบองค์กร (Corporate Connection) การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบองค์กรนี้จะพบได้ทั่วไปตามหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน หน่วยงานต่างๆ เหล่านี้จะมีเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network : LAN) เป็นของตัวเอง ซึ่งเครือข่าย LAN นี้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลา ผ่านสายเช่า (Leased line) ดังนั้น บุคลากรในหน่วยงานจึงสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา การใช้อินเตอร์เน็ตผ่านระบบ LAN ไม่มีการสร้างการเชื่อมต่อ(Connection) เหมือนผู้ใช้รายบุคคลที่ยังต้องอาศัยคู่สายโทรศัพท์ในการเข้าสู่เครือข่ายอินเตอร์เน็ต
3. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยโน้ตบุ๊ก(Note book) และ เครื่องปาล์ม (Palm) 
ผ่าน โทรศัพท์มือถือที่สนับสนุนระบบ GPRS โทรศัพท์มือถือที่สนับสนุน GPRS จะทำหน้าที่เสมือนเป็นโมเด็มให้กับอุปกรณ์ที่นำมาพ่วงต่อ ไม่ว่าจะเป็น Note Book หรือ Palm และในปัจจุบันบริษัทที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้มีการผลิต SIM card ที่เป็น Internet SIM สำหรับโทรศัพท์มือถือเพื่อให้สามารถติดต่อกับอินเทอร์เน็ตได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น 


วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560

ใบงานที่ 10 เรื่อง รูปแบบของคำสั่ง HTML

รูปแบบของคำสั่ง HTML 
คำสั่งพื้นฐาน
< !– ข้อความ –>คำสั่ง หมายเหตุ ใช้อธิบายความหมาย ขื่อผู้เขียนโปรแกรม และอื่นๆ
<br>คำสั่งขึ้นบรรทัดใหม่
<p> ข้อความ </p>คำสั่งย่อหน้าใหม่
<hr width=”50%” size = “3”>คำสั่ง ตีเส้น, กำหนดขนาดเส้น
&nbsp;คำสั่ง เพิ่มช่องว่าง
<IMG SRC = “PHOTO.GIF”>คำสั่งแสดงรูปภาพชื่อ Photo.gif
<CENTER> ข้อความ </CENTER>คำสั่งจัดให้ข้อความอยู่กึ่งกลาง
<HTML> </HTML>คำสั่ง <HTML> คือคำสั่งเริ่มต้นในการเขียนโปรแกรม HTML และมีคำสั่ง </HTML> เพื่อบอกจุดสิ้นสุดโปรแกรม
<HEAD> </HEAD>คำสั่ง <HEAD> คือคำสั่งบอกส่วนที่เป็นชื่อเรื่อง โดยมีคำสั่งย่อย <TITLE> อยู่ภายใน
<TITLE> </TITLE>คำสั่ง <TITLE> คือคำสั่งบอกชื่อเรื่อง จะไปปรากฏที่ Title Bar
<BODY> </BODY>คำสั่ง <BODY> คือคำสั่งบอกส่วนเนื้อเรื่อง ที่จะถูกแสดงผลในเวปบราวเซอร์ ประกอบด้วยรูปภาพ ตัวอักษร ตาราง เป็นต้น
รูปแบบตัวอักษร
<font size = “3”> ข้อความ </font>ขนาดตัวอักษร
<font color = “red”> ข้อความ </font>สีตัวอักษร
<font face = “Arial”> ข้อความ </font>รูปแบบตัวอักษร
<besefont size = “2”> ข้อความ </font>กำหนดค่าเริ่มต้นของขนาดตัวอักษร
<b> ข้อความ </b>ตัวอักษรหนา
<i> ข้อความ </i>ตัวอักษรเอน
<u> ข้อความ </u>ขีดเส้นใต้ตัวอักษร
<tt> ข้อความ </tt>ตัวอักษรแบบพิมพ์ดีด







หมายเหตุ เราสามารถใช้คำสั่งกำหนดรูปแบบตัวอักษร หลายๆรูปแบบได้ เช่น
<font face = “Arial” size = “3” color = “red”> ข้อความ </font> เป็นต้น



ตัวอย่างคำสั่ง


1.<br>
คำสั่งขึ้นบรรทัดใหม่

2.<HTML> </HTML>
คำสั่ง <HTML> คือคำสั่งเริ่มต้นในการเขียนโปรแกรม HTML                               และมีคำสั่ง </HTML> เพื่อบอกจุดสิ้นสุดโปรแกรม
3.<TITLE> </TITLE>คำสั่ง <TITLE> คือคำสั่งบอกชื่อเรื่อง จะไปปรากฏที่ Title                                  Bar
4.<BODY> </BODY>
คำสั่ง <BODY> คือคำสั่งบอกส่วนเนื้อเรื่อง ที่จะถูกแสดงผล                                 ในเวปบราวเซอร์ ประกอบด้วยรูปภาพ ตัวอักษร ตาราง เป็นต้น
5.<HEAD> </HEAD>
คำสั่ง <HEAD> คือคำสั่งบอกส่วนที่เป็นชื่อเรื่อง โดยมีคำสั่งย่อย <TITLE> อยู่ภายใน

 

สอบปลายภาคเรียน

สอบปลายภาคเรียน from NonThanawat